ความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแหล่งที่อยู่เดียวกันทำให้เกิดการอยู่ร่วมกัน
เรียกว่า ภาวะซิมไบโอซิส(Symbiosis) สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างก็มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน
โดยมีผลรวมของความสัมพันธ์ 3 แบบ คือ - เมื่อเสียประโยชน์ +
เมื่อได้รับประโยชน์ 0 เมื่อไม่ได้รับหรือเสียประโยชน์ ซึ่งสามารถแบ่งแบบของความสัมพันธ์ได้หลายแบบดังนี้
1. ภาวะเป็นกลาง
(Neutralism)
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีผลอะไรต่อกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ได้รับประโยชน์และไม่เสียประโยชน์
เช่น ต้นไม้ใหญ่กับไส้เดือนดิน กระต่ายและนกฮูกที่อาศัยอยู่ในป่า
เป็นต้น
2. ภาวะการแข่งขัน
(Competition -/-)
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกันมีความต้องการปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน
และปัจจัยนั้นมีจำกัดหรือต่างแข่งขันกันเพื่อแสวงหาปัจจัยที่ต้องการในการดำรงชีพ
โดยต่างฝ่ายต่างเสียประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ เช่น ต้นไม้ที่ปลูกรวมอยู่ในเนื้อที่จำกัดพยายามเจริญสูงขึ้นเพื่อรับแสงแดด
ฝูงปลาแย่งกันตะครุบเหยื่อ สุนัขแย่งกินอาหาร เป็นต้น โดยทั่วไปการแข่งขันระหว่างสิ่งมีชีวิตเดียวกันมักจะรุนแรงมากกว่าระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างชนิด
3. ภาวะอะเมนลิซึม
(Amenlism 0/-)
ภาวะที่ฝ่ายหนึ่งไม่ได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์
เช่น ต้นไม้ใหญ่บังแสงต้นไม้เล็ก ทำให้ต้นไม้เล็กไม่เจริญขณะที่ต้นไม้ใหญ่ไม่ได้รับหรือเสียประโยชน์แต่อย่างใด
4. ภาวะการล่าเหยื่อ
(Predation +/-)
ความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ล่า (Predator)ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ถูกล่า
หรือเหยื่อ เช่น นกกินแมลง งูกินกบ เสือชีต้าล่ากวางกินเป็นอาหาร
5. ภาวะอิงอาศัย
หรือภาวะมีการเกื้อกูล (Commensalism +/0)
ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด เช่น เหาฉลามเป็นปลาชนิดหนึ่งที่มีอวัยวะสำหรับดูดเกาะติดปลาฉลาม
อาศัยกินเศษอาหารจากปลาฉลาม โดยไม่ได้ดูดเลือดหรือทำอันตรายใดๆ
แก่ปลาฉลาม
เฟิร์นกับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเฟิร์นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่อาศัยบนต้นไม้อื่น
แต่ไม่เบียดเบียนต้นไม้อื่น เพียงแต่อาศัยร่มเงาและความชื้น
เพื่อการดำรงชีวิต
6. ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน
(Protocooperation +/+)
ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์และอยู่แยกกันได้ เช่นในธรรมชาติเราอาจเห็นเถาวัลย์
พลูด่าง เฟิร์น กล้วยไม้เจริญอยู่บนลำต้นและกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่
ลักษณะการเกาะของพืชพวกนี้จะอยู่บริเวณผิวของเปลือกต้นไม้ ไม่ได้มีการเบียดเบียนอาหารจากต้นไม้ใหญ่แต่อย่างใด
ใช้ต้นไม้ใหญ่ได้ความชื้นจากต้นไม้ที่มาขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่เหล่านั้น
มดดำกับเพลี้ยอ่อน ซึ่งมดดำจะดูดน้ำเลี้ยง (อาหาร) จากเพลี้ยอ่อนทางทวารหนักและคาบเพลี้ยอ่อนไปวางตามที่ต่าง
ๆ เพื่อหาแหล่งดูดน้ำเลี้ยงต่อไป ซึ่งทำให้เพลี้ยอ่อนได้แหล่งอาหาร
ใหม่ ๆ
นกเอี้ยงที่อาศัยกินแมลงบนผิวหนังควายเป็นอาหาร เนื่องจากความได้ประโยชน์จากการที่นกช่วยลดจำนวนแมลงที่เป็นปรสิตของควาย
จัดเป็นความสัมพันธ์แบบการได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างควายกับนกเอี้ยง
7. ภาวะพึ่งพากัน
(Mutualism +/+)
ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์และอยู่แยกกันไม่ได้ เช่น
ไลเคน(Lichen) เป็นสิ่งมีชีวิตสองชนิด คือ รากับสาหร่ายพบตามเปลือกต้นไม้ชนาดใหญ่
การอยู่ร่วมกันนี้ทั้งสาหร่ายและราต่างได้รับประโยชน์ กล่าวคือสาหร่ายสร้างอกหารได้เองแต่ต้องอาศัยความชื้นจากรา
ส่วนราก็ได้อาศัยดูดอกหารที่สาหร่ายสร้างขึ้น
ต่อไรกับลูกไทร ต่อไทรเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดอกไทร
มีลักษณะพิเศษที่อัดตัวกันแน่นจนมองคล้ายลูกไทร ภายในลูกไทรมีทั้งดอกตัวเมีย
ดอกตัวผู้ และ ดอกกัล ซึ่งเป็นดอกที่ตัวต่อไทรเข้าไปอาศัยอยู่
ต่อไทรจะทำหน้าที่ผสมเกสรให้โดยบินออกจากลูกหนึ่งไปผสมยังอีกลูกหนึ่ง
ทำให้ต้นไทรยังคงสืบพันธุ์ต่อได้ ต่อไทรจะอาศัยในลูกไทรตลอดชีวิตวนเวียน
เป็นวัฏจักรตลอดไป
8.
ภาวะปรสิต (Paratism +/-)
ร่างกายของสิ่งมีชีวิตสามารถเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่ดำรงชีพแบบปรสิต
ผู้ถูกอาศัย (Host) จะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ส่วนผู้ที่ไปอาศัย
คือ ปรสิต (Parasite) จะเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์เนื่องจากปรสิตจะคอยแย่งอาหาร
หรือกินส่วนของร่างกายผู้ถูกอาศัย
ปรสิตแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
8.1
ปรสิตภายใน (Endoparasite) คือ ปรสิตที่อาศัยอยู่และหาอาหารอยู่ภายใน
ร่างกายของผู้ถูกอาศัย เช่น พยาธิตัวตืด พยาธิใบไม้ พยาธิตัวกลมเป็นปรสิตภายในของมนุษย์
8.2
ปรสิตภายนอก (Ectoparasite) คือ ปรสิตที่อาศัยและเกาะดินอยู่ภายนอก
ร่างกายของผู้ถูกอาศัย เช่น เหา ยุง เป็นปรสิตภายนอกของมนุษย์
นอกจากนี้ยังมี กาฝากกับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งกาฝากเป็นพืชที่อาศัยบนต้นไม้อื่น
โดยไชชอนรากเข้าไปดูดน้ำเลี้ยงจากต้นไม้ที่อาศัยอยู่
9. ภาวะมีการย่อยสลาย
(Saprophytism +/-)
ความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่งของเห็ด รา และแบคทีเรียอาศัยซากสิ่งมีชีวิตโดยการหลั่งเอนไซม์ออกมานอกเซลล์
(Exoenzyme) เพื่อย่อยสลายซากเหล่านั้น แล้วจึงดูดซึมสารที่ได้จากการย่อยเข้าสู่เซลล์ในรูปของเหลว
สิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตเช่นนี้เรียกว่า ผู้ย่อยสลาย (Decomposer)
10. ภาวะมีการหลั่งสารห้ามการเจริญ
(Antibiosis 0/-)
เป็นภาวะที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งหลั่งสารออกมานอกเซลล์ แล้วสารนั้นไปมีผลต่อการ
เจริญเติบโต หรือการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เช่น
ราเพนิซิลเลียม (Penicillium) สร้างสารเพนิซิลเลียมไม่ได้รับหรือเสียประโยชน์
สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Microcystis sp.) หลั่งสารเคมีชื่อไฮดรอกซิลเอมีน
(Hydroxylamine) ลงสู่น้ำในบ่อ มีผลทำให้สัตว์ที่ดื่มน้ำนั้นตาย
|