จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้แสดงความห่วงใยและพร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ด้วยการเปิดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เป็น “ศูนย์พักพิงชั่วคราว” เพื่อรองรับและดูแลพี่น้องผู้ประสบภัยที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย การดำเนินการครั้งนี้ นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และ รองศาสตราจารย์ ดร.สำเนาว์ เสาวกูล รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตสุรินทร์ ซึ่งได้ระดมทรัพยากรและกำลังบุคลากรในการจัดเตรียมพื้นที่ พร้อมทั้งจัดบริการดูแลด้านอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีประชาชนเข้ามาพักพิงภายในศูนย์กว่า 6,000 คน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้เร่งให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา วิทยาเขตขอนแก่น และวิทยาเขตสกลนคร ก็ได้ร่วมขับเคลื่อนภารกิจนี้ผ่านการจัดตั้งจุดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น เพื่อส่งต่อไปยังศูนย์พักพิงฯ ดังนี้
• มทร.อีสาน นครราชสีมา โดย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน : จุดรับบริจาคตั้งอยู่บริเวณ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฯ ฝั่งประตูทางเข้า (ประตู 2)
• มทร.อีสานวิทยาเขตขอนแก่น โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประพันธ์ ยาวระ รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตขอนแก่น : จุดรับบริจาคอยู่ที่ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฯ ฝั่งถนนศรีจันทร์ และ อาคารสำนักงานวิทยาเขตขอนแก่นหลังเก่า
• มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ชเวง สารคล่อง รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตสกลนคร : จุดรับบริจาคอยู่ที่ อาคารสำนักงานวิทยาเขตสกลนคร ชั้น 2
สิ่งของที่เปิดรับบริจาค ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง ขนม สเปรย์กันยุง และของใช้จำเป็น โดยเฉพาะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบคัพ ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก จาน ชาม ช้อน แก้ว (พลาสติก) และเสื่อสำหรับปูนอน โดยมีนักศึกษา มทร.อีสาน คอยอำนวยความสะดวกและจัดระเบียบการรับบริจาคอย่างมีระบบ
การดำเนินงานทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ “อว. เพื่อประชาชน” ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ริเริ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาทั่วประเทศเป็นกลไกช่วยเหลือสังคมในภาวะวิกฤต โดยมี มทร.อีสาน เป็นหนึ่งในแนวหน้าในการขับเคลื่อนความช่วยเหลือสู่ประชาชนอย่างแท้จริง
