
วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดย รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระบิล พ้นภัย รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอนก เจริญภักดี รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ นโยบายและแผน เข้าร่วมโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์กับภาคส่วนในมณฑลกวางตุ้งเพื่อพัฒนาลู่ทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ EEC – GBA Global Shift from the Western to Eastern World: Unlocking Economic Growth through Strategic Asian Collaboration โดยมี คุณพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย, คุณภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย และคุณกาจฐิติ วิวัธวานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว กล่าวต้อนรับ ณ ธนาคารกสิกรไทย อาคารราษฎร์บูรณะ









สำหรับภายในงาน มีการจัดการเสวนาหัวข้อ “From Conflict to Opportunity: Strategic Realignment Insights for Chinese Businesses” โดย คุณบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และการเสวนา หัวข้อ “Unlock Thailand’s investment potential in the global economic landscape:Incentives, Infrastructures, and Ecosystem” โดย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ในโอกาสนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ได้รับเกียรติขึ้นเสวนา หัวข้อ “Beyond Business: Chinese Enterprise Success in Thailand and ASEAN Integration through Culture, Compliance, Talent & Finance” ร่วมกับตัวแทนจากนักธุรกิจจีนชั้นนำในไทยจากหลักสูตร K-Academy for Chinese Business Leaders และคุณกำพล ตรุณีธีรกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ได้มีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรมจีนสู่ประเทศไทยภายใต้บทบาทของมหาวิทยาลัยเป็นตัวกลางนั้น ต้องอาศัยกลไกที่ชัดเจนและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา โดยมีแนวทางดังนี้
1. สร้างกลไกความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทย-จีน
· จัดตั้งศูนย์วิจัยร่วม (Joint Research Centers)
· โครงการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร (Capacity Building Programs)
2. สร้างความเชื่อมั่นและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา (IP Protection)
· พัฒนากรอบข้อตกลงการถ่ายโอนเทคโนโลยี (Technology Transfer Agreement Framework)
· จัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบและประเมินความเสี่ยง (Technology Audit Unit)**
3. ส่งเสริมการลงทุนและนวัตกรรมร่วมกัน
· จัดตั้งกองทุนสนับสนุนวัตกรรมไทย-จีน (Thai-Chinese Innovation Fund)
· สร้างเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ (Science & Technology Park)
4. สร้างกลไกแก้ไขข้อพิพาท (Dispute Resolution Mechanism)
· จัดตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ย (Mediation Committee)
· ใช้ระบบอนุญาโตตุลาการ (Arbitration)
5. ผลักดันนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล
· เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน (Investment Incentives)
· ผลักดันข้อตกลงระดับประเทศ (Bilateral Agreement on Technology Transfer)
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยสามารถเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างไทยและจีน โดยเน้นการวิจัยร่วม การพัฒนาบุคลากร และสร้างกลไกปกป้องผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ต้องอาศัยความโปร่งใส การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อให้การถ่ายโอนเทคโนโลยีเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย หากดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความขัดแย้ง สร้างความไว้วางใจ และยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของไทยในระยะยาว รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน กล่าว









